ทริปแรกสุดอึดของผม 4 วัน 3 คืน สองเกลอตะลุยกาญจนบุรี

ทริปนี้ผมเองก็ไม่ค่อยมีข้อมูลเกี่ยวกับกาญจนบุรีมากเท่าไหร่ครับ แต่ใจมันบอกว่าอยากไป ฮ่าๆ ไม่ค่อยดีนะครับ อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง จะไปเที่ยวที่ไหนเราก็ควรวางแผนกันดีๆก่อน จะได้ไม่เป็นภาระของลูกหลาน(ว่าไปนั่น) ผมไปกันตอนต้นเดือนธันวาคม 2015 ครับ จากที่ได้ยินมากาญจนบุรีนั้นมีสถานที่เที่ยวค่อนข้างเยอะ เกี่ยวกับพวกน้ำตก อุทยานแห่งชาติ แหล่งท่องเที่ยวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ทางรถไฟสายมรณะ สุสานทหาร และสถานที่ระรึกเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ผมรู้ข้อมูลคล่าวๆแค่นี้จริงๆ แต่วิธีการเดินทางผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย คิดว่าไปด้วยรถไฟน่าจะสะดวกสุด ค้นหาข้อมูลแล้วผมต้องไปขึ้นรถไฟที่ฝั่งธน(สถานีกรุงเทพ) เพื่อไปกาญจนบุรี

แม่น้ำแคว กาญจนบุรี
แม่น้ำแคว กาญจนบุรี

แต่!!! พอผมมาดูแผนที่จากกรุงเทพไปกาญจนบุรีแล้วมันแค่ 100 กว่าโลเอง ผมคิดว่าผมขับรถจักรยานยนต์ไปเองน่าจะสะดวกกว่ามั้ย? ไปถึงจะได้ไม่ต้องหารถให้วุ่นวาย ผมขี้เกียจต่อรถด้วย(ผมเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับความวุ่นวายในการหารถที่เชียงใหม่ ต้องต่อรถจี๊บแดง ไปท่าแพแล้วเดินหาร้านเช่ารถ ซึ่งผมคิดว่ามันเสียเวลามาก แถมหงุดหงิดอีกต่างหาก บวกกับตอนที่ผมเรียนนั้นบ้านผมกับมหาลัยที่เรียนนั้นห่างกันประมาณนี้เหมือนกัน เวลากลับบ้านทีผมก็ขับมอไซค์กลับชิลๆ) ผมกับเพื่อนก็เลยตกลงกันว่าเราขับรถมอไซค์ไปกันเองก็ได้ ใกล้แค่นี้เอง เหนื่อยก็แวะพักระหว่างทางได้ ไปกันเอง ซึ่งดันไปถูกใจคุณเพื่อนตัวดีเข้าเต็มๆ จะเรียกว่ามันก็เดี๋ยวมีคนหาว่าผมถ่อย เรียกฮีแทนละกันเนาะ บ้านฮีอยู่ไอร์แลนด์ มาตะลอนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยใช้กรุงเทพเป็นฐานที่มั่น ปักหลักอยู่กรุงเทพแล้วบินตรงไปเมืองหลวงของแต่ละประเทศ จากนั้นค่อยแบ็คแพ็คอีกทีนึง ฮีเพิ่งกลับจากพม่าพอดี เผอิญว่างอยู่เกือบอาทิตย์ ก่อนจะไปแบ็คแพ็คลาวกับเวียดนามต่อ แล้วฮีบ่นอยากหนีจากกรุงเทพตามแบบฉบับนักท่องเที่ยวของฮีนั่นแหละ ทริปสุดผจญภัยของเราก็เลยบังเกิด เรียกได้ว่าทั้งเสี่ยงตายทั้งสนุกเลยหล่ะ

ทริปนี้ผมเดินทางกันยังไง

ทริปนี้ผมเริ่มออกจากบ้านที่ลาดพร้าวมุ่งไปเพชรเกษมเพื่อออกไปนครปฐมให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะผมดูข้อมูลเส้นทางจากอากู๋แล้วมันดูไม่ซับซ้อนเท่าไหร่ เป็นถนนเส้นเดียวยาวๆเกือบถึงตัวเมืองกาญจนบุรีเลย ภารกิจหลักของเราก็เลยกลายเป็นหาวิธีไปนครปฐมให้ได้ก่อนเลย เพื่อความชัวร์ว่าเราจะไปถูกทาง แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกครับ สกิลในการเดินทางของผมนั้นห่วยขั้นเทพ เซนส์ในการเลือกเส้นทางของผมนี่เป็นอ่ะไรที่แย่มาก จากประสบการณ์ที่ผ่านมา(ก่อนหน้านั้นผมเคยเช่ารถขับที่กระบี่และเชียงใหม่มาแล้ว บอกได้เลยว่าหลงทางเป็นว่าเล่นเลยทีเดียว เอาไว้เดี๋ยวผมจะมาแชร์ประสบการในโอกาสหน้าก็แล้วกัน) กว่าจะหาทางไปเพชรเกษมได้ผมก็หลงอยู่ในกรุงเทพตั้งหลายรอบ ไปเลือกเลี้ยวผิดตรงวงเวียนใหญ่อยู่รอบนึง รอบสองถึงไปถูก จากนั้นวิ่งตรงอย่างเดียวตามเส้นเพชรเกษมทีเค้ากำลังทำรถไฟฟ้าอยู่พอดี วิ่งยาวๆกันเลยทีนี้ ไม่หลงแล้ว บางแค สายหนึ่ง สายสอง สายสาม บลา บลา บลา

พระปฐมเจดีย์ นครปฐม
พระปฐมเจดีย์ นครปฐม

ราวๆชั่วโมงกว่าๆก็ถึงนครปฐมครับ ระหว่างทางก็เห็นป้ายสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะไปหมด ใจก็อยากจะแวะ แต่ก็ต้องมั่นใจว่าจะถึงปลายทางก่อนมืดค่ำ เพราะว่าไม่ได้จองห้องพักอ่ะไรเลย กะไปหาเอาข้างหน้าอย่างเดียว โดยหลักๆผมจะใช้ agoda.com ในการค้นหาโรงแรม แล้วเข้าไปถามเลยว่ามีห้องว่างมั้ย(ซึ่งส่วนมากแล้วมักจะมีห้องว่าง และราคาก็เท่ากับที่เขียนไว้ในเว็บตอนลดราคาสุดๆนั่นแหละ อันนี้ก็เป็นทริคอย่างนึงในการหาห้องพักของพวกเรา ระหว่างทริปนี้) ถึงนครปฐมพวกเราไปเจองานเทศกาลฉลององค์พระปฐมเจดีย์พอดี ก็เลยพักเบรคกันที่นั่น แล้วเดินเที่ยวรอบๆ ถ่ายรูป หาของน้ำหาของกินกันราวๆชั่วโมงนึง เจดีย์ที่นี่ใหญ่จริงๆครับ อลังการงานสร้างมาก ตื่นตาตืนใจพวกเราจริงๆ พอกันเลยทั้งคนไทยทั้งฝรั่ง ฮ่าๆๆ

หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้วก็ได้เวลาหาที่หลับที่นอนกันซะที ตอนแรกคุยกันว่าจะหาที่พักในเมืองนครปฐมซักคืนแล้วค่อยไปต่อ เพราะมันค่อนข้างเย็นมากแล้วเวลาตอนนั้นก็ราวๆหกโมง แต่พอตะลอนหาห้องพักแล้วมันดันไม่ถูกใจซะที บางที่ก็ราคาสูงเกินจริงไปหน่อย ก็เลยตกลงกันว่าไปเมืองกาญกันเลยดีกว่า เจอระหว่างทางค่อยพัก ซึ่งก็ถือว่าโอเคระดับนึง ได้โรงแรมในราคา 450 บาท ซึ่งถือว่ารับได้ทั้งสองฝ่าย ขับรถกันจนถึงเมืองกาญจริงๆ กว่าจะได้ห้องพัก ห้องพักหาไม่ยากครับ ขับรถตะลอนหาได้เลย แต่ระวังหน่อยตรงที่คนเมืองกาญขับรถน่ากลัวมาก ขับรถเร็ว ผมเองก็เกือบตายที่นี่แหละ หาจังหวะเลี้ยวแล้วรถฝ่าไฟแดงมา ผมตกใจจนแทบไปต่อไม่ได้ก็ทริปนี้หล่ะ แต่ก็ยังรอดมาได้ ปาฏิหาริย์จริงๆ ขอบคุณคุณยมทูติที่ยังไม่อยากเจอหน้าผม ฮ่าๆๆ

ทริปนี้ผมไปที่ไหนกันบ้าง

ประเดิมด้วยงานเฉลิมฉลองเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สะพานข้ามแม่น้ำแควก่อนเลยครับ วันที่ไปเป็นคืนสุดที่ที่มีการแสดงพอดีเลย เกือบพลาดแล้วเชียว หลังจากที่ขับมอไซค์ยาวๆจากกรุงเทพจนถึงเมืองกาญและได้ห้องพักในโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่ง พอเก็บของเสร็จ อาบน้ำให้สบายตัว แล้วกะออกมาหาของกินกัน แล้วขับรถกันไปเรื่อยๆ แต่ไม่ยอมเลือกซักร้าน จนไปถึงจุดที่เค้ามีแสงไฟสว่างๆ และเสียงดังเหมือนพลุ(มารู้ทีหลังว่าเค้าโยนระเบิดลงน้ำ) ก็เลยขับตามไปดูว่าเค้ามีงานอะไร เผื่อจะหาของกินในงานได้บ้าง แล้วก็ดันแจ็คพ็อตเจองานนี้เข้าพอดี งานฉลองสะพานข้ามแม่น้ำแคว ไม่รู้ชื่อทางการมันคืออะไรนะ แต่ผมเรียกแบบนี้เฉยๆ

River-Kwai-Bridge-night-time
งานเทศกาลฉลองสะพานข้ามแม่น้ำแคว ธันวาคม 2015

สะพานข้ามแม่น้ำแคว(River kwai bridge)

สะพานข้ามแม่น้ำแควจากมุมอื่น
สะพานข้ามแม่น้ำแควจากมุมอื่น

อย่างที่บอก คืนแรกที่มาถึงกาญจนบุรีก็เจองานเทศกาลตรงสะพานแม่น้ำแควพอดี ก็เลยมีโอกาสได้เที่ยวกันตอนกลางคืนบริเวณจัดงานรอบๆสะพานข้ามแม่น้ำแควกัน เดินกันทั่วถึงเลยทีเดียว บรรยากาศดีมากครับ เหมือนได้เที่ยวงานวัดแบบใหญ่ๆ จนถึงใหญ่มาก งานนี้สองเกลอตะลุยงานประจำปีกันแบบเต็มอิ่มเลยครับ มีตั้งแต่งานแสดงแสงสีเสียง งานแสดงรถไฟสมัยเก่าๆ ร้านขายของเหมือนงานวัด ตลอดจนเครื่องเล่นสมัยใหม่ มีเรือไวกิ้งด้วยนะเออ ได้เสียวกันตลอดงานเลยทีเดียว งานแบบนี้จะมีเฉพาะช่วงงานประจำปีนี้ครับ ใครที่อยากไปเที่ยวชมงานก็ควรเช็ควันให้ดีก่อนไปเที่ยวนะครับ กันพลาดไว้เป็นดีที่สุด อย่าเอาอย่างพวกผมที่ไปกันแบบไม่ได้เช็คอ่ะไรเลย เดี๋ยวอดดูโชวสวยๆไม่รู้ด้วยนะเออ นอกจากการแสดงในช่วงกลางคืนที่สวยอลังการแล้ว สะพานข้ามแม่น้ำแควในตอนกลางวันก็สวยน่าชมเหมือนกันนะครับ สวยแบบมีเสน่ห์ในตัวของมันเอง ซึ่งแน่นอนครับว่าผมก็ไม่พลาดที่จะแวะมาเก็บภาพในตอนกลางวันอีกรอบก่อนจะตะลอนหาที่พักสำหรับคืนถัดไป ก่อนที่จะวางแผนเที่ยวน้ำตกเอราวัณกันต่อ

น้ำตกเอราวัณ(Erawan national park)

น้ำตกเอราวัณ กาญจนบุรี
น้ำตกเอราวัณ กาญจนบุรี
น้ำตกเอราวัณ กาญจนบุรี
น้ำตกเอราวัณ กาญจนบุรี

น้ำตกนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 60 กิโลเมตรครับ เท่าที่พวกผมรู้ พวกเราเลือกพักกันในเมืองเพราะขี้เกียจหาห้องพักใหม่ ขี้เกียจเก็บของ ก็เลยจองห้องไว้ 2 คืน แล้วอีกอย่างหนึ่งคือพวกเรากลัวว่าพอไปที่น้ำตกแล้วจะหาห้องพักลำบาก ก็เลยไม่เช็คเอาท์ออก เก็บของไว้ห้องเดิมนั่นแหละ แต่ก็เหมือนว่าพวกเราจะคิดผิด เพราะระหว่างทางที่ไปน้ำตกนั้นมีห้องพัก มีรีสอร์ทให้เลือกระหว่างทางเยอะเลยทีเดียว ไปกันคราวหน้าคงไม่ต้องกลัวแล้วหล่ะว่าจะหาห้องพักไม่ได้ ห้องพักมีเยอะซะจนเควิ่นแซวว่ามันมีเยอะกว่าในตัวเมืองอีก คราวหลังตรงมาน้ำตกเลยก็ได้ มีที่นอนแน่นอน ไม่ต้องกลัว

เส้นทางนี้นอกจากจะเป็นน้ำตกเอราวัณแล้วก็ยังมีเขื่อนศรีนครินทร์ที่อยู่ถัดกันขึ้นไปนิดหน่อยให้เราได้แวะชมวิวด้วยนะครับ พวกเราเลือกแวะเขื่อนก่อนแล้วค่อยลงมาเที่ยวน้ำตกกัน อยู่ไม่ไกลกันมาก ส่วนเรื่องรายละเอียดผมจะขอเล่าแยกเป็นทริปตะลุยน้ำตกเอราวัณอีกทีละกันนะครับ

วัดถ้ำเสือ(Tiger cave temple)

Buddha
Chedi

 

วัดนี้เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากครับ สำหรับพวกเรา ทั้งตัวผมเองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีวัดชื่อนี้ที่เมืองกาญด้วย ผมนึกว่ามันคือวัดเดียวกันกับที่กระบี่(ซึ่งผมเข้าใจผิด) ก็เลยไม่ได้วางแผนเที่ยวไว้ตั้งแต่แรก ถ้าคู่หูผมไม่บอกว่าจะไปดูวัดถ้ำเสือ ผมก็คงพลาดวัดนี้เหมือนกัน สำหรับวัดนี้ผมเล่าแยกไว้อีกบทความนึงนะครับ เพราะกลัวว่าบทความมันจะยาวเกินไป ยังไงก็ฝากติดตามอ่านกันได้ที่บทความ “ชวนเที่ยววัดถ้ำเสือ กาญจนบุรี วัดสวยๆที่รวม 2 สไตล์เข้าด้วยกัน” นะครับ

ความประทับใจสำหรับทริปกาญจนบุรี

แม่น้ำแคว กาญจนบุรี
แม่น้ำแคว กาญจนบุรี

ทริปนี้สถานที่อาจจะน้อยนะครับ แต่เน้นความสนุกระหว่างทริปที่เราไม่ต้องเร่งรีบมากกว่า และเสียเวลาไปกับการเดินทางไปซะเยอะเลย เกือบครึ่งวันสำหรับการเดินทางไปแต่ละที่ บวกกับการศึกษาข้อมูลมาน้อยมากถึงมากที่สุด ทำให้เสียเวลาหาข้อมูลซะเยอะเลย เอาตรงๆก็คือไม่ได้หาข้อมูลอะไรเลยมากกว่า ส่วนใหญ่จะถามคนท้องถิ่นมากกว่าว่ามีอะไรน่าเที่ยวบ้าง มาเที่ยวเมืองกาญเค้าไปที่ไหนกัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็ผมนี่แหละครับที่ต้องเป็นคนถาม เพราะถ้าปล่อยให้คู่หูอย่างเควิ่นเป็นคนถามคงไม่ต้องไปเที่ยวไหนกันพอดี เพราะฮียังใช้ภาษาไทยไม่ได้ ทริปนี้ผมก็เลยต้องพูดเยอะเป็นพิเศษ แต่ผมก็ดีใจที่มีเพื่อนเที่ยวนี่แหละครับ ไม่ต้องลุยคนเดียวเหมือนทริปก่อนๆ หลงทางก็หลงด้วยกัน(ถึงส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนพาเพื่อนหลงก็เหอะ ก็ผมเป็นคนขับ) หาที่พัก หาที่เที่ยวก็ช่วยกันหา อันนี้เป็นความประทับใจหลักๆของทริปนี้เลยครับ ถึงจะเหนื่อยกว่าทริปอื่นๆเพราะขับมอไซค์ระยะไกลไปหน่อยก็เถอะ