สัมผัสบรรยากาศแห่งป่าเขาพงไพรที่ดอยม่อนจอง

ดอยม่อนจองตังอยู่บนทิวเขาที่ถนนธงชัยตอนกลาง ที่จังหวัดเชียงใหม่ และยังติด 1 ใน 10 ของยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย และจุดที่สูงที่สุดของดอยมีการเรียกกันว่าหัวสิงห์ เพราะจะมีลักษณะที่คล้ายหัวสิงโต และมีจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามสามารถมารับชมทะเลหมอก ที่มาพร้อมแสงแดดแรกของพระอาทิตย์ดวงกลมโตที่สามารถมองเห็นได้ชัด ในอดีตดอยม่อนจองนับเป็นดินแดนที่เหล่าสรรพสัตว์ใช้ชีวิตอยู่อาศัยกันอย่างอิสรเสรี แต่ในปัจจุบันเมื่อคนได้รุกป่าเข้ามา และการมาของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้กลายเป็นที่ที่หาดูสัตว์ได้ยากมากกว่าเดิม

จุดที่สำคัญของการมาเที่ยวดอยม่อนจอง นั่นก็คือการได้รับชมภูเขาที่สูงสลับซับซ้อนไปกับทุ่งหญ้า ที่จะเปลี่ยนเป็นสีทองที่สวยงามอร่ามตาในช่วงหน้าหนาว เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอย่างมากแห่งหนึ่ง และอีกสิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจะต้องแวะเวียนมาเยือนดอยม่อนจอง โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคมและมกราคม ก็คือกุหลาบพันปีหรือชื่อเฉพาะว่าคำแดง ที่กำลังออกดอกแรกแย้มบานสะพรั่งเต็มต้นอยู่ตามไหล่เขาอย่างมากมาย ว่ากันว่าต้นนี้คำแดงเป็นต้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย ดอยม่อนจองจะมีบริการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมได้เพียงพฤศจิกายนไปจนถึง 15 กุมภาพันธ์ของทุกปี เพื่อที่จะทำการปรับปรุงดอยให้กลับมามีสภาพที่สมบูรณ์อีกครั้ง และนักท่องเที่ยวต้องระวังการขึ้นภูเขาที่อาจจะต้องเผชิญกับช้างป่าที่ออกหากินกันให้มาก ๆ เพราะฉะนั้นการเดินทางขึ้นดอยม่อนจองมาพักก็ควรที่จะต้องใช้เวลาเพียง 2 วัน 1 คืนเท่านั้น การเดินทางขึ้นดอยก็ต้องมีการได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อน โดยต้องติดต่อไปขออนุญาตกับทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย หน่วยมูเซอ การเดินทางก็ต้องไปที่หน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอร์ที่มีระยะทาง 40 กิโลเมตร เมื่อถึงแล้วก็ให้ทำการติดต่อให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงจะสามารถไปสู่จุดที่ต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 3-4 ชั่วโมง จึงจะถึงที่หมาย

ดอยม่อนจองจะมีการบริการที่พักและร้านอาหารที่อยู่ด้านล่างดอยเท่านั้น ถ้าต้องการไปพักก็สามารถเอาของส่วนตัวขึ้นไปเองได้ เพราะจะมีการอนุญาตให้ได้เข้ามาชมธรรมชาติได้เพียงแค่ 2 วัน 1 คืน จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเตรียมอะไรติดตัวขึ้นมามากมาย เพราะการเดินทางขึ้นไปต้องเดินเท้าเท่านั้น และอาจจะทำให้เหนื่อยเอาได้ง่าย ๆ แต่เชื่อได้ว่าเมื่อถึงที่ความเหนื่อยทุกอย่างจะหายไปในทันที เพราะความสวยงามที่มาพร้อมกับความยากลำบากนั้นมักจะหอมหวาน และคุ้มค่าเสมอสำหรับผู้ที่เป็นนักเดินทางและนักท่องเที่ยวตัวจริง