สวัสดีตอนเช้า เที่ยวกรุงเก่า พระนครศรีอยุธยากับคู่หู

ผ่านมานานเหลือเกินกว่าจะเริ่มเขียนเรื่องราวการตะลอนเที่ยวของตัวเองอย่างจริงจังได้ ทริปอินดี้ของผม ตามประสาคนไม่เหมือนใคร(ที่ไม่มีใครอยากเหมือน) สารภาพโดยดีว่าเป็นทริปเก่าตั้งแต่เดือนมีนาแล้วครับ(แต่เพิ่งจะมีอารมณ์เขียน) บิ๊วอารมณ์นานเหลือเกิน ทำเอาแฟนๆรอนานจนรากงอก(มีคนอ่านด้วยเหรอ?) ยังไงก็ต้องกราบขออภัยอย่างสูงนะครับ ที่ทำให้รอกันนานเกินไป จนหลายๆคนลืมไปแล้วว่ามีบล็อกนี้อยู่ในโลก ส่วนคนที่หลงเข้ามาเจอก็ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ แวะมาเยี่ยมกันบ่อยๆนะครับ ผมเหงา อยู่ด้วยกันไปนานๆ ว่าไปนั่น

เดินทางถึงอยุธยาตอนยังไม่สว่างเลย
เดินทางถึงอยุธยาตอนยังไม่สว่างเลย

ขอวกกลับเข้าเรื่องตะลอนเที่ยวของผมหน่อยดีกว่า เพ้อนานล่ะ ขอเล่าความเป็นมาเป็นไปซักนิดนึงเกี่ยวกับทริปตะลอนเที่ยวสุดอินดี้ของผม จริงๆผมก็ไม่คิดว่ามันอินดี้อะไรหรอกครับ ผมก็เที่ยวของผมแนวๆนี้อยู่แล้ว อยากไปผมก็ไปปุปปับ เก็บกระเป๋าแล้วไปเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปที่ไหน แค่นึกว่าอยากไปเที่ยวที่ไหนซักที่ นึกขึ้นมาในหัวแล้วลุยเลย เป็นพวกเอาแน่เอานอนไม่ได้ ก็เลยเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่ค่อยเที่ยวกับคนอื่น เน้นไปคนเดียวตลอด(จะบอกว่าไม่มีใครไปด้วยก็แลดูจะเศร้าไปหน่อย) จะได้ไม่ทำให้คนอื่นรอ และไม่ต้องรอคนอื่น ถือว่าวินวินทั้งสองฝ่ายแหละ เหตุผลหลักสำหรับทริปนี้ จริงๆผมก็แค่อยากเอา KSR คู่หูผมกลับไปไว้บ้านที่ต่างจังหวัดครับ ก่อนจะอพยพไปเยอรมันนี(แต่ตอนนี้ยังไปไม่ได้เพราะยังติดงานกับบริษัทในสิงคโปร์อยู่ปีนึง หมดสัญญาจ้างก็คงว่ากันอีกที) บ้านเกิดผมอยู่อุบลราชธานี สุดเขตแดนสยาม(ทางทิศไหนก็ช่างมันเถอะ) ซึ่งก็คือปลายทางของทริปแก้วตาขาแว๊นของผมนั่นเอง เป้าหมายของผมคือต้องได้ดูพระอาทิตย์ตกสวยๆระหว่างทางซักที ผมไม่ได้วางแผนอะไรมากมายหรอก อาศัยถามคนพื้นที่เอา แค่นั้นเอง เห็นมั้ยล่ะว่าผมเป็นคนเรียบง่ายขนาดไหน ได้ทำตามเป้าหมาย แถมได้เที่ยวระหว่างทาง คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ถึงมันจะเหนื่อยสุดๆไปเลยก็เถอะ แต่มันก็ยังไม่หมดแค่นั้นหรอกครับ การเดินทางของผมเพิ่งเริ่มต้นต่างหาก

สิ่งก่อสร้างเก่าๆรอบตัวเมืองอยุธยา
สิ่งก่อสร้างเก่าๆรอบตัวเมืองอยุธยา
สิ่งก่อสร้างเก่าๆรอบตัวเมืองอยุธยา
สิ่งก่อสร้างเก่าๆรอบตัวเมืองอยุธยา

เกี่ยวกับอยุธยา ผมรู้แค่ว่าเป็นเมืองหลวงเก่าของไทย มีวัดวาอารามเก่าแก่เยอะแค่นั้นเอง ไม่มีข้อมูลมากนัก เพราะผมเป็นพวกไม่ค่อยชอบหาข้อมูลอะไรมากมายเหมือนที่เคยบอกไว้ แต่พอเอาเข้าจริงๆผมเองก็อดตื่นเต้นไม่ได้เหมือนกัน ตื่นเช้าผิดปกติเลยหล่ะ ยังไม่ถึงตีสี่ด้วยซ้ำ เก็บกระเป๋าเสร็จสรรพ เช็คสภาพคู่หู ตรวจดูน้ำมันนิดหน่อย แล้วก็ออกจากบ้านเลย(บ้านผมอยู่ลาดพร้าวช่วงกลางๆ) มุ่งตรงขึ้นเหนืออย่างเดียวเลยงานนี้ แต่ก็ยากพอดู กว่าจะหลุดออกจากกรุงเทพได้ ขับผ่านดอนเมืองตอนยังมืดอยู่เลย ดีหน่อยที่รถยังไม่ค่อยเยอะ เลยแว้นง่ายหน่อย วิ่งตามป้ายบอกทางไปอยุธยายาวๆ แลดูรีบไปหน่อย ไปถึงอยุธยาตอนยังไม่สว่างด้วยซ้ำ ตีห้ากว่าๆ ไม่รู้จะไปไหน ผมก็ได้แต่แวะถ่ายรูปกับเจดีย์ใหญ่ๆกลางเมืองไปก่อน ไฟสวยดีเหมือนกัน เก็บภาพไปซักพักก็ไม่รู้จะทำอะไรดี กว่าจะสว่างก็คงต้องรออีกนานโขเลย ก็เลยขับรถตะลอนรอบเมืองฆ่าเวลา ขับไปทางสถานีรถไฟ แล้วก็หาของกินรองท้อง ก่อนจะถามพนักงานขายว่ามีที่ไหนดูพระอาทิตย์ขึ้นได้บ้าง ขอแบบสวยงามตามท้องเรื่อง แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะเค้าบอกว่า เค้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แห้วเลยงานนี้ ก็เลยได้แต่ออกมานั่งโซ้ยบะหมี่หน้า 7-11 ข้างทางรถไฟ ช่างเป็นเช้าที่ดีอะไรอย่างนี้ เสร็จจากตรงนี้พระอาทิตย์ก็ยังไม่โผล่มาแฮะ งานนี้เลยตะลอนรอบเมืองเล่นๆ ไปพลางๆ เจอเจดีย์เก่าๆ สิ่งก่อสร้างเก่าๆ หลายๆอย่าง เจอร่องรอยอารยธรรมเก่าๆข้างทางเยอะพอดู ตื่นเต้นใหญ่เลยทีนี้ เดินแชะภาพสนุกสนานกันเลยทีเดียว สิ่งที่แปลกตาในอยุธยาคือ บ้านคนกับสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่พวกนี้อยู่ด้วยกันอย่างลงตัว มีซากปรักหักพังของเจดีย์เก่าอยู่ใกล้ๆบ้านคนเต็มไปหมด แทรกอยู่ด้วยกันก็มี เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากสำหรับผม(ก็คนมันเพิ่งเคยเห็น) เรื่องเก็บภาพนี่ไม่ต้องพูดถึง เต็มที่ไปเลยทีเดียว นี่แค่จุดสตาร์ตนะครับ ยังไปไหนไม่ไกลเลย สุดยอดจริงๆจังหวัดนี้

ทางช้างเดิน พระนครศรีอยุธยา
ทางช้างเดิน พระนครศรีอยุธยา

ตะลอนไปซักพักก็ไปเจออุทยานประวัติศาสตร์เข้าให้ ที่นี่เจดีย์เก่า คูเมืองเก่า สิ่งก่อสร้างเก่าๆเยอะมาก สุดยอดเลยให้ตายเหอะ เต็มอิ่มมากมาย ทั้งเดินทั้งขับมอไซค์ตะลอนเก็บภาพไปทั่ว นั่งบนสะพานไม้ เก็บภาพรอบๆตัว ดูพระอาทิตย์ขึ้น เป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ ผมถือเป็นอีกเช้าที่ดีสุดๆในชีวิตเลยทีเดียว
วัด วัด แล้วก็วัด คือสิ่งที่มีอยู่เต็มไปหมดในอยุธยา เสน่ห์ของเค้าเลยหล่ะ สำหรับคนที่ชอบสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสร์ หรือวัดวาอาราม อยุธยาคือสวรรค์เลยแหละ ไม่ได้โม้ ออ อีกอย่างหนึ่งที่แปลกตาคือ ที่นี่มีทางสำหรับช้างเดินด้วยแหละ เป็นทางเฉพาะสำหรับช้างเลยครับ อยู่ข้างๆทางคนเดินอีกที อเมซิ่งอยุธยามาก ขับรถผ่านปางช้างก็ถึงคราวตะลุยวัดแหละครับ ประเดิมด้วยวัดพระราม(คนเดียวกันกับสามีนางสีดารึเปล่าไม่รู้) เก็บภาพสนุกเลยวัดนี้ มุมสวยๆเต็มไปหมด แต่เสียดายที่เป็นตอนกลางวัน คิดว่าตอนกลางคืนน่าจะสวยกว่า เพราะเค้าเปิดไฟสปอร์ตไลท์ส่องไปยังตัวเจดีย์ แสงคงสวยกว่าเยอะเลย ถ้ามีโอกาสผมต้องลองไปดูอีกซักครั้ง อยากเก็บภาพตอนกลางคืน แต่ที่เก็บมานี่ก็เยอะโขอยู่เหมือนกัน ถึงจะยังไม่ค่อยหนำใจก็เหอะ เสร็จจากวัดพระรามก็ตรงไปวัดมหาธาตุเลยครับ(จริงๆผ่านโดยบังเอิญ แว้นไปรอบๆเมืองเฉยๆ)

เศียรพระพุทธรูป พระนครศรีอยุธยา
เศียรพระพุทธรูป พระนครศรีอยุธยา

จริงๆผมไม่รู้จักชื่อวัดนี้หรอกครับ ผมเห็นแค่รูปเศียรพระที่มีรากไม้หุ้มในหนังสือกับเว็บไซต์ท่องเที่ยวแค่นั้นแหละ พอมาถึงอยุธยาผมค่อยหาข้อมูลท่องเที่ยวตอนที่ตะลอนรอบเมืองนี่หล่ะ สารภาพโดยดีว่าผมถามเจ้าหน้าที่ตรงอุทยานประวัติศาสตร์นั่นแหละ ว่าอยุธยามีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง เค้าก็เลยแนะนำผมให้ไปปางช้างแล้วก็วัดมหาธาตุ อีกที่นึงเค้าแนะนำให้ไปตลาดน้ำอโยธยา แต่มันอยู่คนละทางกับเป้าหมายที่ผมกำลังจะไป ผมก็เลยเอาไว้คราวหน้าดีกว่า คงต้องจัดอีกซักทริปสำหรับอยุธยาโดยเฉพาะแล้วหล่ะ อยากเห็นบรรยากาศอยุธยายามค่ำคืนซักทริป

สิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา
สิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา

สำหรับทริปอยุธยานี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ เน้นขับรถกินลมชมวิว แล้วก็เที่ยวรอบเมืองไปเรื่อยๆตามประสาคนไม่มีแผนเหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้า แต่แค่นี้ผมก็เต็มอิ่มสุดๆแล้วนะครับ สิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์เค้าเยอะมากจริงๆ เรียกว่าเก็บภาพกันเต็มอิ่มเลยทีเดียว คราวหน้าผมจะต้องกลับไปอีกแน่นอนครับ พร้อมกับใช้เวลาในอยุธยานี้ซักคืน ถึงตอนนั้นรับรองว่าผมจะต้องเก็บภาพบรรยากาศอยุธยาตอนกลางคืนมาฝากแน่นอนครับ สำหรับทริปนี้ผมก็มีเวลาในอยุธยาเพียงเท่านี้ หลังจากที่ผมต้องแว้นขึ้นเหนือไปอ่างทองต่อ อย่าลืมติดตามเป็นกำลังใจให้ผมนะครับ