ความสวยงามของธรรมชาติที่พลาดไม่ได้ในดอยอินทนนท์

ดอยอินทนนท์ มีความงดงามทางธรรมชาติอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นความอุดมสมบูรณ์ของ ที่เป็นแบบป่าใหญ่ดึกดำบรรพ์ สภาพอากาศที่หนาวเย็นและมีความชุ่มฉ่ำไปตลอดทั้งปี ทำให้มีทั้งมอส เฟิร์นและพืชอาศัยความชื้นชนิดอื่น ๆ ขึ้นมาปกคลุมตามลำต้นของบรรดาต้นไม้กันอย่างหนาแน่น ใครที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่จะต้องประทับใจกับสีสันของใบไม้ป่าผลัดใบ ที่กำลังจะผลัดใบในช่วงปลายปีและในช่วงฤดูหนาว ที่สามารถทำให้นักท่องเที่ยวต้องหยุดเพื่อรับชมเอาภาพที่สวยงามของธรรมชาติ ที่เป็นรูปแบบเฉพาะตัวที่ไม่มีใครเหมือนอีกแล้ว

ในส่วนของต้นปีนั้นดอยอินทนนท์จะมีต้นไม้ที่บานสะพรั่งจนเต็มภูเขา ทำให้อดใจไม่ไหวที่จะต้องมาถ่ายรูปคู่กับดอกไม่ที่สวยงาม และเก็บภาพเพื่อบันทึกเป็นความทรงจำกันอย่างแน่นอน หรือจะเข้ามาชมความสวยงามของป่าทุ่งหญ้าหรือไร่ร้างที่หน้าผาอันสูงชัน ทำให้มองเห็นภูมิประเทศเบื้องล่างได้อย่างกว้างไกล เป็นแหล่งที่อยู่ที่สำคัญของสัตว์ป่าหายากอย่างกวางผาและนกชนิดต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดความประทับใจต่อการรับชมด้วยตาของตัวเองได้เป็นอย่างดี อีกหนึ่งที่ที่ต้องไปคือน้ำตกแม่ยะ เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่และสวยที่สุดของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ สามารถที่จะมองเห็นได้ในระยะไกล สามารถที่จะกางเต็นท์พักแรมที่น้ำตกได้เลย แต่จะต้องมีการติดต่อขอใช้สถานที่กางเต็นท์กับเจ้าหน้าที่อุทยานก่อนเท่านั้น และน้ำตกแม่กลางที่ถือว่าเป็นจุดแรกของประตูเข้าสู่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ น้ำตกจากหน้าผาสูงประมาณ 100 เมตร ไหลพวยพุ่งตกลงมาเป็นสาย ทั้งเส้นน้อยและเส้นใหญ่อย่างสวยงาม ซึ่งเป็นแอ่งน้ำที่มีขนาดใหญ่พร้อมกับมีชื่อว่าวังน้อยและวังหลวง แต่ถ้าไปในช่วงฤดูฝนก็ต้องระมัดระวังให้มาก เพราะจะเป็นช่วงที่น้ำแรงและน้ำจะขุ่นเอามาก ๆ อีกด้วย

มีถ้ำขนาดใหญ่อย่างถ้ำบริจินดาที่อยู่ในเทือกเขาดอยอินทนนท์ ใกล้กับตัวน้ำตกแม่กลาง ภายในถ้ำจะมีความลึกหลายกิโลเมตร เพดานถ้ำจะมีหินงอกหินย้อยหรือที่คนแถวนั้นจะเรียกกันว่านมผา ทั้งยังมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ภายในถ้ำ เพื่อที่จะให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคล นอกจากนั้นยังมีธารหินที่เมื่อแสงสว่างลอดเข้ามากระทบก็จะสามารถที่จะมองเห็นแสงประกายที่มีความระยอบระยับดังเพชรเลยทีเดียว เกิดเป็นความสวยงามแก่ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก ลักษณะถ้ำจะเป็นถ้ำที่แสงแดดสามารถที่จะส่องทะลุเข้ามาในตัวถ้ำได้อีกด้วย