สวัสดีตอนเช้า เที่ยวกรุงเก่า พระนครศรีอยุธยากับคู่หู

ผ่านมานานเหลือเกินกว่าจะเริ่มเขียนเรื่องราวการตะลอนเที่ยวของตัวเองอย่างจริงจังได้ ทริปอินดี้ของผม ตามประสาคนไม่เหมือนใคร(ที่ไม่มีใครอยากเหมือน) สารภาพโดยดีว่าเป็นทริปเก่าตั้งแต่เดือนมีนาแล้วครับ(แต่เพิ่งจะมีอารมณ์เขียน) บิ๊วอารมณ์นานเหลือเกิน ทำเอาแฟนๆรอนานจนรากงอก(มีคนอ่านด้วยเหรอ?) ยังไงก็ต้องกราบขออภัยอย่างสูงนะครับ ที่ทำให้รอกันนานเกินไป จนหลายๆคนลืมไปแล้วว่ามีบล็อกนี้อยู่ในโลก ส่วนคนที่หลงเข้ามาเจอก็ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ แวะมาเยี่ยมกันบ่อยๆนะครับ ผมเหงา อยู่ด้วยกันไปนานๆ ว่าไปนั่น

เดินทางถึงอยุธยาตอนยังไม่สว่างเลย
เดินทางถึงอยุธยาตอนยังไม่สว่างเลย

ขอวกกลับเข้าเรื่องตะลอนเที่ยวของผมหน่อยดีกว่า เพ้อนานล่ะ ขอเล่าความเป็นมาเป็นไปซักนิดนึงเกี่ยวกับทริปตะลอนเที่ยวสุดอินดี้ของผม จริงๆผมก็ไม่คิดว่ามันอินดี้อะไรหรอกครับ ผมก็เที่ยวของผมแนวๆนี้อยู่แล้ว อยากไปผมก็ไปปุปปับ เก็บกระเป๋าแล้วไปเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปที่ไหน แค่นึกว่าอยากไปเที่ยวที่ไหนซักที่ นึกขึ้นมาในหัวแล้วลุยเลย เป็นพวกเอาแน่เอานอนไม่ได้ ก็เลยเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่ค่อยเที่ยวกับคนอื่น เน้นไปคนเดียวตลอด(จะบอกว่าไม่มีใครไปด้วยก็แลดูจะเศร้าไปหน่อย) จะได้ไม่ทำให้คนอื่นรอ และไม่ต้องรอคนอื่น ถือว่าวินวินทั้งสองฝ่ายแหละ เหตุผลหลักสำหรับทริปนี้ จริงๆผมก็แค่อยากเอา KSR คู่หูผมกลับไปไว้บ้านที่ต่างจังหวัดครับ ก่อนจะอพยพไปเยอรมันนี(แต่ตอนนี้ยังไปไม่ได้เพราะยังติดงานกับบริษัทในสิงคโปร์อยู่ปีนึง หมดสัญญาจ้างก็คงว่ากันอีกที) บ้านเกิดผมอยู่อุบลราชธานี สุดเขตแดนสยาม(ทางทิศไหนก็ช่างมันเถอะ) ซึ่งก็คือปลายทางของทริปแก้วตาขาแว๊นของผมนั่นเอง เป้าหมายของผมคือต้องได้ดูพระอาทิตย์ตกสวยๆระหว่างทางซักที ผมไม่ได้วางแผนอะไรมากมายหรอก อาศัยถามคนพื้นที่เอา แค่นั้นเอง เห็นมั้ยล่ะว่าผมเป็นคนเรียบง่ายขนาดไหน ได้ทำตามเป้าหมาย แถมได้เที่ยวระหว่างทาง คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ถึงมันจะเหนื่อยสุดๆไปเลยก็เถอะ แต่มันก็ยังไม่หมดแค่นั้นหรอกครับ การเดินทางของผมเพิ่งเริ่มต้นต่างหาก

สิ่งก่อสร้างเก่าๆรอบตัวเมืองอยุธยา
สิ่งก่อสร้างเก่าๆรอบตัวเมืองอยุธยา
สิ่งก่อสร้างเก่าๆรอบตัวเมืองอยุธยา
สิ่งก่อสร้างเก่าๆรอบตัวเมืองอยุธยา

เกี่ยวกับอยุธยา ผมรู้แค่ว่าเป็นเมืองหลวงเก่าของไทย มีวัดวาอารามเก่าแก่เยอะแค่นั้นเอง ไม่มีข้อมูลมากนัก เพราะผมเป็นพวกไม่ค่อยชอบหาข้อมูลอะไรมากมายเหมือนที่เคยบอกไว้ แต่พอเอาเข้าจริงๆผมเองก็อดตื่นเต้นไม่ได้เหมือนกัน ตื่นเช้าผิดปกติเลยหล่ะ ยังไม่ถึงตีสี่ด้วยซ้ำ เก็บกระเป๋าเสร็จสรรพ เช็คสภาพคู่หู ตรวจดูน้ำมันนิดหน่อย แล้วก็ออกจากบ้านเลย(บ้านผมอยู่ลาดพร้าวช่วงกลางๆ) มุ่งตรงขึ้นเหนืออย่างเดียวเลยงานนี้ แต่ก็ยากพอดู กว่าจะหลุดออกจากกรุงเทพได้ ขับผ่านดอนเมืองตอนยังมืดอยู่เลย ดีหน่อยที่รถยังไม่ค่อยเยอะ เลยแว้นง่ายหน่อย วิ่งตามป้ายบอกทางไปอยุธยายาวๆ แลดูรีบไปหน่อย ไปถึงอยุธยาตอนยังไม่สว่างด้วยซ้ำ ตีห้ากว่าๆ ไม่รู้จะไปไหน ผมก็ได้แต่แวะถ่ายรูปกับเจดีย์ใหญ่ๆกลางเมืองไปก่อน ไฟสวยดีเหมือนกัน เก็บภาพไปซักพักก็ไม่รู้จะทำอะไรดี กว่าจะสว่างก็คงต้องรออีกนานโขเลย ก็เลยขับรถตะลอนรอบเมืองฆ่าเวลา ขับไปทางสถานีรถไฟ แล้วก็หาของกินรองท้อง ก่อนจะถามพนักงานขายว่ามีที่ไหนดูพระอาทิตย์ขึ้นได้บ้าง ขอแบบสวยงามตามท้องเรื่อง แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะเค้าบอกว่า เค้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แห้วเลยงานนี้ ก็เลยได้แต่ออกมานั่งโซ้ยบะหมี่หน้า 7-11 ข้างทางรถไฟ ช่างเป็นเช้าที่ดีอะไรอย่างนี้ เสร็จจากตรงนี้พระอาทิตย์ก็ยังไม่โผล่มาแฮะ งานนี้เลยตะลอนรอบเมืองเล่นๆ ไปพลางๆ เจอเจดีย์เก่าๆ สิ่งก่อสร้างเก่าๆ หลายๆอย่าง เจอร่องรอยอารยธรรมเก่าๆข้างทางเยอะพอดู ตื่นเต้นใหญ่เลยทีนี้ เดินแชะภาพสนุกสนานกันเลยทีเดียว สิ่งที่แปลกตาในอยุธยาคือ บ้านคนกับสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่พวกนี้อยู่ด้วยกันอย่างลงตัว มีซากปรักหักพังของเจดีย์เก่าอยู่ใกล้ๆบ้านคนเต็มไปหมด แทรกอยู่ด้วยกันก็มี เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากสำหรับผม(ก็คนมันเพิ่งเคยเห็น) เรื่องเก็บภาพนี่ไม่ต้องพูดถึง เต็มที่ไปเลยทีเดียว นี่แค่จุดสตาร์ตนะครับ ยังไปไหนไม่ไกลเลย สุดยอดจริงๆจังหวัดนี้

ทางช้างเดิน พระนครศรีอยุธยา
ทางช้างเดิน พระนครศรีอยุธยา

ตะลอนไปซักพักก็ไปเจออุทยานประวัติศาสตร์เข้าให้ ที่นี่เจดีย์เก่า คูเมืองเก่า สิ่งก่อสร้างเก่าๆเยอะมาก สุดยอดเลยให้ตายเหอะ เต็มอิ่มมากมาย ทั้งเดินทั้งขับมอไซค์ตะลอนเก็บภาพไปทั่ว นั่งบนสะพานไม้ เก็บภาพรอบๆตัว ดูพระอาทิตย์ขึ้น เป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ ผมถือเป็นอีกเช้าที่ดีสุดๆในชีวิตเลยทีเดียว
วัด วัด แล้วก็วัด คือสิ่งที่มีอยู่เต็มไปหมดในอยุธยา เสน่ห์ของเค้าเลยหล่ะ สำหรับคนที่ชอบสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสร์ หรือวัดวาอาราม อยุธยาคือสวรรค์เลยแหละ ไม่ได้โม้ ออ อีกอย่างหนึ่งที่แปลกตาคือ ที่นี่มีทางสำหรับช้างเดินด้วยแหละ เป็นทางเฉพาะสำหรับช้างเลยครับ อยู่ข้างๆทางคนเดินอีกที อเมซิ่งอยุธยามาก ขับรถผ่านปางช้างก็ถึงคราวตะลุยวัดแหละครับ ประเดิมด้วยวัดพระราม(คนเดียวกันกับสามีนางสีดารึเปล่าไม่รู้) เก็บภาพสนุกเลยวัดนี้ มุมสวยๆเต็มไปหมด แต่เสียดายที่เป็นตอนกลางวัน คิดว่าตอนกลางคืนน่าจะสวยกว่า เพราะเค้าเปิดไฟสปอร์ตไลท์ส่องไปยังตัวเจดีย์ แสงคงสวยกว่าเยอะเลย ถ้ามีโอกาสผมต้องลองไปดูอีกซักครั้ง อยากเก็บภาพตอนกลางคืน แต่ที่เก็บมานี่ก็เยอะโขอยู่เหมือนกัน ถึงจะยังไม่ค่อยหนำใจก็เหอะ เสร็จจากวัดพระรามก็ตรงไปวัดมหาธาตุเลยครับ(จริงๆผ่านโดยบังเอิญ แว้นไปรอบๆเมืองเฉยๆ)

เศียรพระพุทธรูป พระนครศรีอยุธยา
เศียรพระพุทธรูป พระนครศรีอยุธยา

จริงๆผมไม่รู้จักชื่อวัดนี้หรอกครับ ผมเห็นแค่รูปเศียรพระที่มีรากไม้หุ้มในหนังสือกับเว็บไซต์ท่องเที่ยวแค่นั้นแหละ พอมาถึงอยุธยาผมค่อยหาข้อมูลท่องเที่ยวตอนที่ตะลอนรอบเมืองนี่หล่ะ สารภาพโดยดีว่าผมถามเจ้าหน้าที่ตรงอุทยานประวัติศาสตร์นั่นแหละ ว่าอยุธยามีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง เค้าก็เลยแนะนำผมให้ไปปางช้างแล้วก็วัดมหาธาตุ อีกที่นึงเค้าแนะนำให้ไปตลาดน้ำอโยธยา แต่มันอยู่คนละทางกับเป้าหมายที่ผมกำลังจะไป ผมก็เลยเอาไว้คราวหน้าดีกว่า คงต้องจัดอีกซักทริปสำหรับอยุธยาโดยเฉพาะแล้วหล่ะ อยากเห็นบรรยากาศอยุธยายามค่ำคืนซักทริป

สิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา
สิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา

สำหรับทริปอยุธยานี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ เน้นขับรถกินลมชมวิว แล้วก็เที่ยวรอบเมืองไปเรื่อยๆตามประสาคนไม่มีแผนเหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้า แต่แค่นี้ผมก็เต็มอิ่มสุดๆแล้วนะครับ สิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์เค้าเยอะมากจริงๆ เรียกว่าเก็บภาพกันเต็มอิ่มเลยทีเดียว คราวหน้าผมจะต้องกลับไปอีกแน่นอนครับ พร้อมกับใช้เวลาในอยุธยานี้ซักคืน ถึงตอนนั้นรับรองว่าผมจะต้องเก็บภาพบรรยากาศอยุธยาตอนกลางคืนมาฝากแน่นอนครับ สำหรับทริปนี้ผมก็มีเวลาในอยุธยาเพียงเท่านี้ หลังจากที่ผมต้องแว้นขึ้นเหนือไปอ่างทองต่อ อย่าลืมติดตามเป็นกำลังใจให้ผมนะครับ

ดอยแม่ตะมาน ความสวยงามต้นแม่น้ำแม่ตะมาน

ดอยแม่ตะมาน มีพื้นที่ตั้งอยู่ใน อำเภอเชียงดาวและมีบางพื้นที่อยู่ในอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อมองจากยอดดอยแม่ตะมานก็จะเห็นฝั่งตรงข้ามที่เป็นดอยหลวงเชียงดาวที่ยิ่งใหญ่ ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่เบื้องหน้า สวยงามเหมือนดั่งภาพวาดที่มีใครปั้นแต่งเอาไว้ เป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุด ที่มีความแปลกตาเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีความสวยงามจากต้นพญาเสือโคร่งที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นซากุระเมืองไทย ที่จะมามอบความสวยงามที่ไม่เหมือนใครไปทั่วทุกจุดของดอย  สามารถที่จะชมความงามของธรรมชาติที่ความสูงในระดับเดียวกับดอยหลวงได้เป็นอย่างดี เชียงดาวที่มองเห็นได้ไกล ๆ อยู่ตรงหน้า และต้นพญาเสือโคร่งที่จะออกดอกผลิบานเต็มที่ ในช่วงเดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมกราคมเลยทีเดียว

บริเวณที่จะมองเห็นดอยหลวงเชียงดาว จะคือสถานีเกษตรในที่สูงสันป่าเกี๊ยะ ที่เป็นจุดยอดนิยมในการกางเต็นท์ของนักท่องเที่ยว เพื่อที่จะสามารถเข้าชมบรรยากาศที่สวยงามของธรรมชาติได้ทั้งวันและค่ำคืน ตื่นขึ้นมาพร้อมกันได้รับแสงอาทิตย์แรกของวันด้วยการชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม และชมความงามในแสงสุดท้ายหรือพระอาทิตย์ตกได้ด้วยเช่นกัน ทั้งยังเห็นสายหมอกที่สวยงาม เป็นแนวสีขาวไปตามยอดเขา ที่เรียกว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถที่จะตื่นเช้าได้เองโยอัตโนมัติ และยังเป็นสถานที่ที่สามารถมองเห็นดาวยามค่ำคืนที่ระยิบระยับ ทำให้กลายเป็นค่ำคืนที่น่าจดจำและงดงามได้เป็นอย่างดี พร้อมไปด้วยดอกไม้จาประเทศออสเตรเลีย ที่มีการนำมาพัฒนาสายพันธุ์ในไทยที่สถานีนี้แห่งนี้ บนดอยแม่ตะมานยังมีจุดที่น่าสนใจและมีนักท่องเที่ยวแวะไปเยี่ยมชม คือบริเวณหน่วยจัดการน้ำต้นน้ำแม่ตะมาน ซึ่งจะอยู่ก่อนสถานีเกษตรที่สูงสันป่าเกี๊ยะ ห่างกันประมาณ 600 เมตรเท่านั้น และยังมีบ้านพักรับรองเพียง 1 หลัง พร้อมจุดกางเต็นท์ที่เป็นจุดเดียวกับจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าที่สวยงามของดอยอีกด้วย

สถานีเกษตรในที่สูงสันป่าเกี๊ยะ เป็นจุดที่สามารถชมทัศนียภาพของดอยเชียงดาว และดอยหลวงเชียงดาวได้ดีมาก ๆ และยังมีจุดที่สามารถกางเต็นท์ท่ามกลางท้องฟ้าที่มีแต่แสงดาวระยิบระยับ เพียงแต่ผู้ที่มาท่องเที่ยวจะต้องมีการนำเอาอุปกรณ์ต่าง ๆ และเต็นท์มาเอง มีที่พักและสถานที่กางเต็นท์ที่ได้รับการดูและอย่างดีจากศูนย์วิจัยและฝึกอบรมเกษตรในที่สูง ทั้งยังมีการเดินทางที่สะดวก สามารถเอารถยนต์ส่วนตัวขึ้นไปได้ตามปกติ แต่จะไม่มีอาหารและเครื่องอำนวยความสะดวกบางชนิดให้บริการ และมีเครื่องปั่นไฟที่ต้องเปิดปิดเป็นเวลา เพราะฉะนั้นผู้ที่ไปเที่ยวต้องเตรียมไปเองทั้งหมดอีกด้วย

สัมผัสบรรยากาศแห่งป่าเขาพงไพรที่ดอยม่อนจอง

ดอยม่อนจองตังอยู่บนทิวเขาที่ถนนธงชัยตอนกลาง ที่จังหวัดเชียงใหม่ และยังติด 1 ใน 10 ของยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย และจุดที่สูงที่สุดของดอยมีการเรียกกันว่าหัวสิงห์ เพราะจะมีลักษณะที่คล้ายหัวสิงโต และมีจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามสามารถมารับชมทะเลหมอก ที่มาพร้อมแสงแดดแรกของพระอาทิตย์ดวงกลมโตที่สามารถมองเห็นได้ชัด ในอดีตดอยม่อนจองนับเป็นดินแดนที่เหล่าสรรพสัตว์ใช้ชีวิตอยู่อาศัยกันอย่างอิสรเสรี แต่ในปัจจุบันเมื่อคนได้รุกป่าเข้ามา และการมาของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้กลายเป็นที่ที่หาดูสัตว์ได้ยากมากกว่าเดิม

จุดที่สำคัญของการมาเที่ยวดอยม่อนจอง นั่นก็คือการได้รับชมภูเขาที่สูงสลับซับซ้อนไปกับทุ่งหญ้า ที่จะเปลี่ยนเป็นสีทองที่สวยงามอร่ามตาในช่วงหน้าหนาว เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอย่างมากแห่งหนึ่ง และอีกสิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจะต้องแวะเวียนมาเยือนดอยม่อนจอง โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคมและมกราคม ก็คือกุหลาบพันปีหรือชื่อเฉพาะว่าคำแดง ที่กำลังออกดอกแรกแย้มบานสะพรั่งเต็มต้นอยู่ตามไหล่เขาอย่างมากมาย ว่ากันว่าต้นนี้คำแดงเป็นต้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย ดอยม่อนจองจะมีบริการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมได้เพียงพฤศจิกายนไปจนถึง 15 กุมภาพันธ์ของทุกปี เพื่อที่จะทำการปรับปรุงดอยให้กลับมามีสภาพที่สมบูรณ์อีกครั้ง และนักท่องเที่ยวต้องระวังการขึ้นภูเขาที่อาจจะต้องเผชิญกับช้างป่าที่ออกหากินกันให้มาก ๆ เพราะฉะนั้นการเดินทางขึ้นดอยม่อนจองมาพักก็ควรที่จะต้องใช้เวลาเพียง 2 วัน 1 คืนเท่านั้น การเดินทางขึ้นดอยก็ต้องมีการได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อน โดยต้องติดต่อไปขออนุญาตกับทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย หน่วยมูเซอ การเดินทางก็ต้องไปที่หน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอร์ที่มีระยะทาง 40 กิโลเมตร เมื่อถึงแล้วก็ให้ทำการติดต่อให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงจะสามารถไปสู่จุดที่ต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 3-4 ชั่วโมง จึงจะถึงที่หมาย

ดอยม่อนจองจะมีการบริการที่พักและร้านอาหารที่อยู่ด้านล่างดอยเท่านั้น ถ้าต้องการไปพักก็สามารถเอาของส่วนตัวขึ้นไปเองได้ เพราะจะมีการอนุญาตให้ได้เข้ามาชมธรรมชาติได้เพียงแค่ 2 วัน 1 คืน จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเตรียมอะไรติดตัวขึ้นมามากมาย เพราะการเดินทางขึ้นไปต้องเดินเท้าเท่านั้น และอาจจะทำให้เหนื่อยเอาได้ง่าย ๆ แต่เชื่อได้ว่าเมื่อถึงที่ความเหนื่อยทุกอย่างจะหายไปในทันที เพราะความสวยงามที่มาพร้อมกับความยากลำบากนั้นมักจะหอมหวาน และคุ้มค่าเสมอสำหรับผู้ที่เป็นนักเดินทางและนักท่องเที่ยวตัวจริง

ชวนมาสัมผัสความสวยงามของดอยผาตั้ง เชียงราย

ดอยผาตังที่เป็นจุดของสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่ออย่างภูชีฟ้า ในจังหวัดเชียงราย ที่ห่างออกไปจากภูชีฟ้าเพียง 30 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวจีนฮ่อ ที่มาตั้งรกรากกันอย่างยาวนาน และเคยเป็นอดีตในกองพลที่ 93 ที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่ดอยผาตั้ง ลักษณะจะเป็นสันเขาที่คดเคี้ยว สามารถที่จะมองเห็นหุบเขาที่สลับซับซ้อน ไปกับทัศนียภาพที่สวยงามน่ามอง ที่เป็นความสวยงามในลักษณะเฉพาะของดอยผาตั้ง และจะมีจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามและอลังการเป็นอย่างมาก พร้อมเข้ามาชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่จะสามารถเห็นพระอาทิตย์ได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย

ดอยผาตั้งในช่วงธันวาคมถึงมกราคมสามารถที่จะเข้ามาชมทะเลหมอกและดอกซากุระเบ่งบาน ที่พร้อมมอบความสวยงามให้กับนักท่องเที่ยว และมีจุดชมวิวผาบ่องประตูสยาม ที่เป็นหน้าผาขนาดใหญ่ที่ตรงกลางเป็นเนินช่องที่เหมือนโดนเจาทะลุ และยังสามารถเป็นช่องทางที่ไปสู่ประเทศลาวได้อีกด้วย จากนั้นก็ไปชมศาลาเก๋งจีนที่เป็นพระพุทธมังคลานุภาพลาภสุขสันติ ที่ถัดออกไปจากผาบ่องเพียง 15 เมตร จะเป็นเนินประดิษฐานและศาลาเก๋จีนอนุสรณ์สถานของนายพลหลี่ผู้นำของชาวจีนในอดีตและถ้าเดินลงไปอีก 30 เมตร ก็จะได้เจอกับป่าหินยูนาน ที่จะเป็นหินทรงแปลกที่ขึ้นมาสลับซับซ้อนกันแต่ก็สร้างความสวยงามได้อย่างมากเลยทีเดียว แล้วไปแวะที่จุดชมวิวของช่องผาขาด ที่เป็นจุดชมวิวใกล้กับประตูสยาม ที่จะมีลักษณะเป็นผาหิน และสามารถที่จะมองลงไปเห็นทิวทัศน์ประเทศลาวและสายน้ำโขงได้เป็นอย่างดี และไปที่จุดชมทะเลหมอกที่ 102 และ 103 ที่ต่างกันที่ระยะทางและเป็นสถานที่รองรับนักท่องเที่ยวที่มากางเต็นท์ เพื่อที่จะรอชมพระอาทิตย์และทะเลหมอกในยามเช้า โยที่ 102 นั้นจะมีระยะทางเดินทางไปจุดชมวิวเพียง 300 เมตร แต่ 103 จะมีระยะเดินเท้าถึง 500 เมตร ทั้งนี้ยังมีบริการให้ขี่ม้าชมวิวที่คิดค่าบริการเพียงแค่ 150-300 บาทที่แล้วแต่ระยะทางอีกด้วย

และยังมีไฮไลต์เป็นภูชีฟ้าที่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและชมทะเลหมอกที่งดงามที่สุดอีกแห่ง และห่างจากดอยผาตั้งเพียง 25 กิโลเมตร มีวิวที่สวยงามไม่แพ้กันและเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมักจะแวะพัก เพื่อชมวิวในยามเช้ากันเป็นจำนวนมาก ซึ่งในช่วงเทศกาลนั้นจะมากันอย่างหนาแน่น จนทำให้อาจจะไม่พอรองรับผู้ที่มาเที่ยวได้ทั้งหมด จึงควรที่จะเช็คให้ดีก่อนการทางเดินทางมา แต่จุดที่สามารถกางเต็นท์เพื่อที่จะชมวิวในตอนเช้าได้นั้นถือว่ามีสะดวก เพราะมีร้านค้าและห้องน้ำพร้อมห้องอาบนำบริการให้อยู่ตลอดเวลา

เข้ามาแช่น้ำพุร้อนแม่ฝางกันดีกว่า เพื่อสุขภาพที่ดี

น้ำพุร้อนแม่ฝางเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อ ของอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกในจังหวดเชียงใหม่ ที่ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเด่นของที่นี่ เหมาะสำหรับเข้ามาท่องเที่ยวในฤดูหนาวเป็นอย่างมาก ดอยผ้าห่มปกนั้นถือว่าเป็นจุดชมวิวและสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังไม่ค่อยมีการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังมีจุดที่น่าสนใจ จนสามารถดึงดูดผู้คนเข้ามาเที่ยวกันไดอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นจุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ยามเช้าได้เป็นอย่างดี มีอากาศที่เย็นตลอดทั้งปี มีป่าที่อุดมสมบูรณ์อย่างมาก จนทำให้ยังมีสัตว์ป่ามากมายอาศัยอยู่ที่นี่

ดอยผ้าห่มปกหรือดอยฟ้าห่มปก มีพืชพันธุ์และสัตว์ป่าหายากนานาชนิด ทั้งเทียนหาง บัวทอง ผีเสื้อมรกตผ้าห่มปก นกปรอทหัวโขนก้นเหลือง เป็นต้น และการเดินทางที่จะขึ้นไปยอดดอยแห่งนี้จะขึ้นด้วยการเดินเท้าเท่านั้น ระยะทางที่เป็นจุดกางเต็นท์ไปบนยอดจะประมาณ 3.5 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางไปกลับ 3-4 ชั่วโมง ผู้ที่มาท่องเที่ยวที่นี่จึงต้องมีการฟิตซ้อมร่างกายมาเป็นอย่างดี และเหมาะกับผู้ที่ชอบความท้าทายและการเที่ยวแนวผจญภัย คลุกดินอินกับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี และต้องมีการเตรียมน้ำและอาหารพร้อมเครื่องอำนวยความสะดวกในเบื้องต้นด้วยตนเอง เพราะข้างบนนี้จะไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรทั้งสิ้นแม้กระทั่งน้ำดื่มอีกด้วย และถ้าต้องการที่จะขึ้นไปกางเต็นท์ก็ต้องมีการจ้างคนนำทางที่คนละ 300 บาท แต่ถ้าใครที่ไม่อยากจะขึ้นไปบนยอดเขาก็สามารถที่จะเห็นทะเลหมอกได้ แต่ก็อาจจะไม่ชัดเจนมากนัก เพราะจะมีเป็นต้นไม้คอยปกคลุมอยู่ ส่วนสถานที่พักก็จะมีเป็นเพียงแค่การกางเต็นท์อย่างเดียวเท่านั้น บนลานกางเต็นท์กิ่วลม โดยสามารถที่จะเช่ากับทางอุทยานได้พร้อมเครื่องนอนอีกด้วย ทั้งยังมีห้องน้ำส่วนรวมและห้องอาบน้ำส่วนตัวให้บริการอีกด้วย

ส่วนบ่อน้ำพุร้อนนั้นเป็นบ่อที่เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ ที่เกิดมาจากแม๊กม่าที่อยู่ใต้เปลือกโลก เมื่อมีน้ำไหลผ่านจะทำให้บริเวณชั้นหินที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น จึงเกิดเป็นแรงดันน้ำสู่ผิวโลกและบ่อน้ำพุร้อนก็จะเกิดขึ้นมา โดยบ่อน้ำพุร้อนแม่ฝางจะพบเห็นได้มากกว่า 50 บ่อ ที่ตั้งอยู่กระจัดกระจายทั่วไปซึ่งทางอุทยานก็ได้มรการจัดทำบ่อให้ตัวน้ำสามารถที่จะไหลไปได้อย่างทั่งถึง พร้อมสระขนาดใหญ่แบบสระว่ายน้ำและแบบห้องส่วนตัว ที่สามารถเอาตัวลงไปแช่ได้อย่างสบายใจ ทั้งนี้ไม่ว่าจะนักท่องเที่ยวหรือคนในพื้นที่ต่างก็พากันมาแช่น้ำพุร้อนนี้ เพราะเชื่อกันว่าสามารถที่จะรักษาสารพัดโรคเป็นอย่างดี แค่เพียงมาแช่ตัวที่นี่เท่านั้น

เที่ยวดอยหัวหมด จุดชมทะเลหมอกที่มีชื่อเสียงของจังหวัดตาก

ถ้าพูดถึงจุดชมทะเลหมอกที่มีชื่อเสียงก็ควรที่จะนึกถึงดอยหัวหมด ที่อยู่ในเขตอำเภออุ้มผางที่ถือว่ามีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของการชมทะเลหมอก และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนที่ทอดตัวเป็นแนวยาวไปหลายลูกติดต่อกัน และจะมีแต่ต้นไม้เตี้ย ๆ อย่างต้นปรงและต้นเทียนซึ่งจะออกบานในช่วงฤดูฝน จนได้ชื่อว่าดอยหัวหมด เพราะต้นไม้บนยอดเขานั้นหายไปหมด และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของที่นี่คือน้ำตกทีลอซู ที่ถือว่าเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงอย่างมากอีกด้วย

ดอยหัวหมดเป็นจุดชมวิวที่เหมาะกับการนั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้อย่างสวยงาม และมีทะเลหมอกที่เกิดท่ามกลางหุบขาที่ขึ้นมาสลับซับซ้อน ในยามเช้าที่เป็นช่วงปลายฝนและกำลังเป็นต้นหนาวที่นี่ถือว่าเป็นแหล่งทะเลหอกที่สวยงามขึ้นชื่อแบบไม่ไปไม่ได้เด็ดขาด โดยเฉพะช่วงเวลา 05.00-06.00 น. ควรที่จะต้องไปถึงยอดก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น เพื่อที่จะสามารถรับชมแสงแดดอ่อน ๆ ที่จะขึ้นมาตัดกับสายหมอก กลายเป็นสีสันสดใสยามเช้าได้เป็นอย่างดี และยังขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ทีพระอาทิตย์ขึ้นแล้วสวยงามที่สุดอีกแห่งในประเทศไทย ส่วนอากาศนั้นจะค่อนข้างเย็นและมีลมพัดแรงเป็นระยะ จุดที่ชมทะเลหมอกได้สวยงามนั้นจะมี 2 จุด จุดแรกจะอยู่ที่ กม.9 ที่จะต้องมีการเดินขึ้นเขาไปประมาณ 20 นาที ระยะทางจะประมาณ 1.5 กิโลเมตร เดินง่ายและไม่ลำบากมากนัก ส่วนอีกจุดจะอยู่ที่ กม.10 จะมีทานงแยกซ้ายไปลานจอดรถ จากตรงนั้นจะมีเส้นทางที่เดินขึ้นไปยอดดอยแค่เพียง 300 เมตรท่านั้น และถ้ามาในฤดูฝนก็จะเจอเหล่าดอกไม้นานาพันธุ์จะออกดอกเบ่งบานกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะทุ่งดอกไม้สีชมพูที่เป็นต้นเทียนดอยที่จะออกดอกเป็นสีชมพูไปทั่วทั้งดอย ทั้งยังเป็นช่วงที่ชาวบ้านแถวนั้นจะเรียกว่าดอยชมพูดอีกด้วย

ส่วนในหน้าร้องก็จะมีเป็นดอกเสี้ยวที่จะขึ้นมาแทนที่ ดอกเสี้ยวจะเป็นดอกไม่ในตระกูลของชงโค ที่มีสีออกสีขาวบริสุทธิ์ ที่จะออกดอกแบบพร้อมเพรียงกันในเดือนมีนาคม ก็จะทำให้ป่ากลายเป็นสีขาวไปทั้งหมด ทำให้เกิดความสวยแปลกตาที่นักท่องเที่ยวจะอดไม่ได้ที่ต้องถ่ายรูปคู่กับดอกเสี้ยวกันอย่างแน่นอน ยอดเขาหัวโล้นที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวในทุกฤดู ทั้งยังมีความงามตามธรรมชาติที่ถือว่ายังสมบูรณ์และสวยงามนี้จะอยู่ห่างจากตัวเมืองในจังหวัดตากเพียง 10 กิโลเมตร และสามารถพานักท่องเที่ยวไปเพลิดเพลินใจ ไปกับบรรยากาศที่สุดแสนจะสวยงามได้ตลอดทั้งปีอีกด้วย

ดอยแม่สลองเสน่ห์ความงามในหน้าฝน

สถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งที่ในจังหวัดเชียงราย ที่ไม่ได้ไปก็อาจจะเรียกได้ว่าไปไม่ถึงเชียงรายอย่างดอยแม่สลอง ที่เมื่อถึงหน้าเทศกาลท่องเที่ยวเมื่อไหร่ ก็จะต้องมีทริปไปเที่ยวที่ดอยสลองกันอย่างมากมาย ด้วยวิวทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นภูเขาที่สลับซับซ้อน และยังเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าชุมชนจีนฮ่อ แห่งกองพล 93 ที่อยู่คู่กับดอยแห่งนี้มาเป็นเวลานาน มีความสวยงามจากจากไร่ชาท่าวหมู่บ้านสันติคี หรือชาวจีนฮ่อ ที่นิยมขึ้นมาปลูกกันอย่างกว้างขวาง โดยชุมชนนี้มีประชากรอยู่ราว ๆ 800 หลังคาเรือน และมีทั้งวัด ทั้งโบสถ์ และระบบไฟฟ้า พร้อมทั้งธนาคารที่มีพร้อมให้บริการอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

แวะไปชมความงามที่พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนคริทราสถิตมหาสันคิรี ที่อยู่ห่างออกมาจากหมู่บ้าน 4 กิโลเมตร มีถนนสูงชันที่ถูกตดและลาดยางมากอย่างดี เพื่อความสะดวกสบายในการขึ้นไปสักการะพระธาตุ เป็นเจดีย์ล้านนาผสม มีรูปยืนพระพุทธรูปที่ยืนอยู่ทั้ง 4 ทิศ เป็นจุดสูงสุดของเทือกเขา องค์พระธาตุจึงมีความโดดเด่นเป็นสง่าสามารถมองเห็นมาแต่ไกล จนกลายเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของดอยแม่สลองเลยทีเดียว จากนั้นก็สามารถแวะไปเที่ยวที่สุสานนายพลต้วนที่อยู่บนเนินเหนือหมู่บ้าน ซึ่งแยกไปทางด้านซ้ายก็จะเป็นรีสอร์ทของท่านนายพลไปประมาณ 1 กิโลเมตร ด้านหน้าลาดเนินมีตัวอักษรภาษาจีนที่สลักคำว่าต้วน ที่เป็นสีทองบนพื้นสีฟ้า สามารถที่จะมองเห็นวิวเทือกเขาสันติคีรีในช่วงหุบเขาที่ต่ำลงไปเบื้อล่าง เป็นจุดชมวิวที่ถือว่าดีที่สุดในหมู่บ้าน และด้านหน้าก็ยังมีร้านชา 2 ร้าน ที่สามารถเข้ามาทดลองชิมได้อย่างดี แล้วแวะเข้ามาชิมชาอู่หลง ที่ถือว่าเป็นชาเศรษฐกิจของชาวบ้านที่นี่ ที่มีกลิ่นที่หอมเป็นพิเศษ และยังมีร้านชาอบแห้งที่เรียงรายไปตามท้องถนนอยู่มากมายหลายร้าน ให้ได้ลองเลือกชิมกัน เพื่อซื้อหาเป็นของฝากกลับบ้านได้เป็นอย่างดี  และยังมีการสาธิตวิธีการดื่มชาที่ถูกต้องของชาวไต้หวันเท่านั้น ให้กับผู้ที่มาซื้อหรือมาแวะชิมอีกด้วย พร้อมการขายอุปกรณ์การชงชาที่สามารถทำให้ถึงรสชาติชาที่ดีที่สุดอีกด้วย

ไร่ชา 101 เป็นไร่ชาที่ดีที่สุดจนได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดสุดยอดชาโลกบนดอยสลอง ที่มีบริเวณทางเข้าที่สวยงาม มีต้นชาที่เรียงรายสวยงามไปตามไหลาเขาที่เป็นการปลูกแบบขั้นบันได เป็นไร่ชาที่ถูกขนานนามว่าเป็นไร่ชาในฝัน ที่สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่ 7.00-17.00 น. และยังเป็นไร่ชาที่ขึ้นชื่อที่สุดอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการแวะชมดอกซากุระเมืองไทยหรือพญาเสือโคร่ง ต้นไม่ที่มีดอกคล้ายต้นซากุระที่ญี่ปุ่นมากที่สุดอีกด้วย

ส่วนการหาที่พักในเชียงรายก็สามารถจองที่พักในเชียงรายผ่าน Traveloka ได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นในเว็บหรือผ่านแอ็พก็สะดวกสบายไม่แพ้กัน

ชวนเที่ยว พระธาตุเชิงชุม จังหวัดสกลนคร

หากใครเคยไปเที่ยวจังหวัดสกลนครก็คงทราบดีว่า ที่จังหวัดนี้ มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หรือสถานที่ซึ่งมีความสำคัญในทางพระพุทธศาสนาเพราะมีอยู่เป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นที่ทุกคนหากเดินทางไปยังสกลนคร จะต้องไปกราบไหว้ขอพร ก็คือ “พระธาตุเชิงชุม”

ความศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุเชิงชุมทำให้พุทธศาสนิกชนจำนวนมากเดินทางไปกราบสักการะอย่างต่อเนื่อง กอปรกับสถาปัตยกรรมที่ดูสวยงามเก่าแก่และแปลกตา ชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมอย่างสม่ำเสมอ เรียกได้ว่า หากใครเดินทางไปสกลนครแล้วต้องไปกราบไหว้พร้อมเที่ยวชมพระธาตุเชิงชุมอย่างแน่นอน

พุทธศิลป์ของการสร้าง “พระธาตุเชิงชุม” ซึ่งตั้งอยู่ถนนเจริญเมือง  อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร นั้น ได้ออกแบบในลักษณะของการก่ออิฐถือปูน มีฐานของพระธาตุเจดีย์ เป็นฐานรูปสี่เหลี่ยม มีความสูงจนถึงยอดเจดีย์ประมาณ 24 เมตร ส่วนบนของพระธาตุเจดีย์เป็นทรงบัวเหลี่ยมสวยงามแปลกตา

ทว่าในส่วนของ ยอดฉัตรพระธาตุนั้น ทำมาจากทองคำบริสุทธิ์ ที่มีน้ำหนักกว่า 247 บาท รอบองค์พระธาตุ มีการสร้างซุ้มประตูทั้งหมด 4 ด้านด้วยกัน เป็นรูปแบบของยอดปราสาท

นอกจากนี้ได้มีการสร้างซุ้มประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออก เพื่อทำการครอบรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์อีกด้วย เรียกได้ว่า เป็นการสร้างศาสนสถานที่ทำให้เกิดพุทธานุสติสำหรับคนที่ไปกราบสักการะ เพราะทำให้พุทธศาสนิกชนได้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะรอยพระพุทธบาท ที่เป็นปริศนาธรรมว่าด้วยการเดินตามรอยเท้าของพระพุทธองค์ ก็คือ ทางสายกลาง ว่าด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา

ประวัติการสร้างพระธาตุเชิงชุมไม่มีที่มาที่ไปอย่างชัดเจน แต่ทว่าพระธาตุเชิงชุมนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ศูนย์รวมจิตใจ รวมศรัทธาของชาวสกลนครมาอย่างเนิ่นนาน

สำหรับด้านในวิหารของพระธาตุเชิงชุมแห่งนี้ ได้มีการประดิษฐาน พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์พระนามว่า หลวงพ่อองค์แสน กล่าวได้ว่าในทุกวันนี้ โดยเฉพาะวันพระมักจะมีประชาชนเข้าไปกราบสักการะพระธาตุเชิงชุมและหลวงพ่อองค์แสนมากกว่าทุกวัน

นอกจากพระธาตุเชิงชุม หลวงพ่อองค์แสน แล้ว ก็ยังปรากฏบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย หากเที่ยวชมภายในวัดอย่างละเอียดก็จะเห็นว่า ในวัดพระธาตุเชิงชุมนี้ จะมีหอระฆังซึ่งมีความสูงกว่า 3 ชั้น ถูกสร้างขึ้นโดยชาวเวียดนามที่ได้มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่สกลนคร เขาเหล่านั้นได้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาจึงได้สร้างหอระฆังนี้ไว้ ในปี พ.ศ. 2503

หากใครต้องการมากราบสักการะพระธาตุเชิงชุมในงานประจำปีที่จัดให้มีการนมัสการพระธาตุเชิงชุมก็สามารถเดินทางมาได้  โดยการจัดงานนั้น เริ่มตั้งแต่วันขึ้น 9 ค่ำ ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ (2) ของทุกปี (กำหนดตามจันทรคติ)

สำหรับคนที่อยู่กรุงเทพ ผมว่าจองเที่ยวบินบินตรงเลยก็ไม่เลวนะครับ จะเป็นแอร์เอเชียหรือนกแอร์ก็ว่ากันไป ถึงแล้วจะได้เก็บแรงไว้เที่ยว หลักๆผมจองตั๋วเครื่องบินนกแอร์ผ่านTraveloka ได้ส่วนลดค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว

พระตำหนักดอยตุง อดีตที่ประทับมาสู่สถานที่ท่องเที่ยวที่มีความงาม

จากที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่มีรูปแบบที่ผสมผสานระหว่าศิลปะล้านนากับชาเลย์ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีการแกะสลักไม้พร้อมเชิงชายในรูปแบบที่สวยงาม จากช่างฝีมือดีชาวเหนือ และยังมีดอกไม้หลากหลายชนิดที่ให้ความสวยสดใส โดยเฉพาะในฤดูหนาวก็จะมีหมอกจาง ๆที่บริเวณยอดเขารอบพระตำหนัก มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายที่ในพระตำหนัก ที่มีเนื้อที่มากกว่า 10 ไร่และมีซุ้มไม้เลื้อยอีกมากกว่า 70 ชนิด พร้อมรูปปั้นต่อเนื่องที่มีฝีมืออีกหลายรูปปั้น

พระตำหนักดอยตุงยังมีโครงการพัฒนาดอยตุง ที่เป็นการร่วมมือกันจากหน่วยราชการทุกส่วน เพื่อฟื้นฟูสภาพพื้นที่แล้วยังมีการฝึกอาชีพ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวเขาบนดอย ซึ่งประกอยไปด้วยชาวเผาผ่าอาข่า อาหู่ ไทยใหญ่ และจีนฮ่อ ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมต่าง ๆ ของตนไว้เป็นอย่างดี  สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในพระตำหนักนั้น จะมีเป็นหอแห่งประวัติศาสตร์ ซึ่งจะตั้งอยู่ด้านหน้าสุดของพระราชตำหนัก สามารถแบ่งห้องต่าง ๆ ได้มากถึง 8 ห้อง ที่ล้วนแล้วแต่มีความแตกต่างไปตามเรื่องราวในแต่ละห้อง และยังเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับพระตำหนักและโครงการใหม่ ๆ ได้เป็นอย่างดี  และเข้าชมสวนแม่ฟ้าหลวงที่เป็นสวนของดอกไม่เมืองหนาวในหุบเขา ที่มีมากถึง 13 ไร่ มีการปลูกดอกไม้ที่สลับหมุนเวียนกันไป โดยดอกไม้นั้นจะออกดอก 3 ฤดูแบบไม่ซ้ำกัน และยังมีประติมากรรมที่มีชื่อว่าความต่อเนื่อง ที่เป็นรูปปั้นเด็กยืนต่อตัวกันอยู่กลางสวน และมีการจัดแต่งสวนหินที่ประดับไปด้วยหินภูเขา ที่มีขนาดใหญ่และมีลักษณะที่กลมเกลี้ยง ทั้งยังมีสวนน้ำที่อุดมไปด้วยไม้น้ำนานาชนิด และสวนปาล์มที่รวบรวมเอาพันธุ์ปาล์มที่มากมายมารวมกันเอาไว้มากถึง 13 ไร่ โดยมีเนื้อที่สวนโดยรวมถึง 25 ไร่

อาคารพระตำหนักดอยตุงที่ถือว่าเป็นบ้านหลังแรกของสมเด็จย่า ที่สร้างขึ้นด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ที่เน้นความเรียบง่ายและพื้นที่ใช้ประโยชน์ที่มากที่สุด ภายหลังการสิ้นพระชนม์ก็ได้มีการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี และเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าเยี่ยมชม และเข้ามาศึกษาสถาปัตยกรรมของพระตำหนักที่มีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมล้านนา และสวิตเซอร์แลนด์ สามารถที่จะมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล พร้อมการเข้าสักการะพระธาตุดอยตุงที่เป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ของคนปีกุน ที่บรรจุพระธาตุส่วนของพระรากขวัญเบื้อซ้ายหรือไหปลาร้าเอาไว้ และสามารถที่จะเข้าสักการะได้ตลอดทั้งปีอีกด้วย